การรักษาฝ้า มี 3 วิธี
วิธีที่ 1 – ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า
ทาครีมกันแดด
ครีมกันแดด จะช่วยป้องกันผิวหน้าจากรังสี UVA และ UVB ที่มากับแสงแดด ซึ่งแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิว เพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวี ดังนั้นเมื่อเราตากแดดผิวจึงกลายเป็นสีคล้ำ และถ้ายิ่งตากแดดนานๆเข้า แน่นอนว่าเมลานินต้องก่อตัวเพิ่มมากขึ้น จนเกิดเป็นรอยฝ้าตามใบหน้าได้• เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPf ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป พร้อมทั้งมี PA++++ ด้วยจะช่วยเพื่มประสิทธิภาพในการกันแดดได้เป็นอย่างดี
• ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 15 นาที และควรทาซ้ำทุกๆ 3-4 ชม. หากอยู่กลางแดดแรงเป็นเวลา ควรทาซ้ำ ทุกๆ 2 ชม.
• แม้อยู่ในที่ร่ม ก็ควรทาครีมกันแดดในทุกๆวัน เพราะรังสี UV มักมาตามหลอดไฟ แสงหน้าจอคอม ได้เช่นกัน
ทาครีมรักษาฝ้า
ครีมรักษาฝ้า จะช่วยลด และป้องกันการเกิดฝ้าได้ดี วิธีการเลือกซื้อครีมรักษาฝ้าที่ดี ควรได้รับการยอมรับจากมาตรฐาน อย. และมีฉลากวัน เดือน ปี ที่ผลิต รวมถึงมีส่วนผสมที่ปลอดภัยในการรักษา เช่นครีมรักษาฝ้าที่เป็นสูตรสมุนไพร จาก หัวไชเท้า เมล็ดองุ่น หรือส่วนผสมจากกรดผลไม้ เป็นต้น
ข้อควรระวัง – ไม่ควรเลือกครีมรักษาฝ้าที่มีเคมีทำร้ายผิวหน้า อย่างสารไฮโดรคิวโนน สารปรอท เป็นต้น
วิธีที่ 2 – ธรรมชาติรักษาฝ้า
การใช้น้ำมะนาวรักษารอยดำ เป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อผิวหน้า เพราะมะนาวมีกรดวิตามินซี และ AHA ธรรมชาติ ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ พร้อมกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ให้กระจ่างใสขึ้นได้
วิธีใช้ : บีบน้ำมะนาว + น้ำผึ้งเล็กน้อย ผสมกัน ทาทั่วใบหน้า 30 นาที ล้างออกให้สะอาด ลองทำดู วันเว้นวัน หรือทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง
• มะนาว ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ดังนั้นควรทำในเวลากลางคืน หรือช่วงเย็นก่อนอาบน้ำ จะดีที่สุด
• มะนาว ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง เพราะจะทำให้ผิวแสบ ระคายเคืองได้
Buttermilk รักษาฝ้า
บัตเตอร์มิลค์ คล้ายๆโยเกิร์ต หรือนมเปรี้นว แต่มีกรดแลตติคที่ช่วยย่อยสลายรอยดำคล้ำได้ดีกว่า ในต่างชาตินิยมในการรักษารอยดำคล้ำต่างๆ ทำให้ผิวกระจ่างใส ไร้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำ
วิธีใช้ : นำบัตเตอร์มิ้ลค์ มาพอกหน้า 15 นาที ล้างออกให้สะอาด ทำวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น จะยิ่งดี และเห็นผลเร็ว
• หากมีผิวมัน สามารถผสมมะนาวเล็กน้อย เพื่อลดความมันบนใบหน้าได้ดีระหว่างวัน
• สามารถเพิ่มน้ำมะเขือเทศมาร์คหน้าได้ จะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใสขึ้น
Apple Cider vinegar รักษาฝ้า
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล เป็นกรดผลไม้ที่ดีอย่างหนึ่ง ที่ช่วยในการลดรอยดำจากฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิวได้ดี เพราะกรดเหล่านี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ทำให้ผิวขาวใสขึ้น แม้จะมีกลิ่นฉุน แต่ดีต่อการรักษาฝ้ามากเลย
วิธีใช้ : นำสำลี ชุบน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล พอกหน้า 30 นาที แล้วล้างออก ทำได้วันเว้นวัน รอยดำจะค่อยๆจางลงได้ เห็นผลภายใน 6 สัปดาห์
ว่านหางจระเข้ รักษาฝ้า
ว่านหางจระเข้ สามรถช่วยบรรเทาใบหน้าที่มีอาการแสบร้อนจากแสงแดดได้ดี ทำให้ใบหน้าสดชื่น เย็น สบายผิวมากขึ้น เมื่อผิวหน้าคุณเย็นลง เมลานินก็จะลด และเบาบางลง หากพอกหน้าด้วยวุ้นว่านหางจระเข้บ่อยๆ รอยดำจางฝ้าก็จะค่อยจางลงเรื่อยๆ
วิธีใช้ : นำวุ้นว่านหางจระเข้ ล้างน้ำให้สะอาด ฝานเป็นแผ่น นำมาพอกหน้าจนแห้ง หรือพอกทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกให้สะอาด ทำได้ทุกวัน เท่านี้ผิวหน้าก็กระจ่างใส กระชับรูขุมขนขึ้นด้วย
วิธีที่ 3 – ดูแลสุขภาพรักษาฝ้า
หากอยากให้ฝ้าจางลง ต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อลดความร้อนจากภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายได้ขับสารพิษ ผิวพรรณก็จะสดใส เปล่งปลั่ง ลดปัญหาผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้ามัน หรือ ริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
ทานอาหารมีประโยชน์
อย่ากินเลย พวกอาหารจั๊งค์ฟู๊ด อาหารหวาน อาหารรสจัด ควรทานอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ที่ช่วยให้ผิวพรรณสดใส อย่าง ผัก ผลไม้ หลากสี และเนื้อปลา นมสด ตับ ก็จะช่วยลดการเกิดฝ้าได้ดี
พักผ่อน
นอนหลับ ผักผ่อน เป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุด ควรนอนพักผ่อนให้ได้ วันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบภายในทำงานดีขึ้น เมื่อร่างกายพักผ่อนเพียงพอ คุณก็จะรู้กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกเครียด หรือเหนื่อยล้า ส่งผลให้ผิวพรรณดีขึ้น ลดปัญหาฝ้า สิว ริ้วรอย อีกทั้งยังทำให้บุคลิกดีขึ้น และสมองปลอดโปร่ง คิดอะไรก็ว่องไว ไหวพริบดี
เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ผิวหน้าของคุณก็ะห่างไกล ฝ้า กระ จุดด่างดำ แล้วค่ะ หากวิธีเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เรายังมีสูตรสมุนไพรรักษาฝ้าจากหัวไชเท้ามาให้ลองทำตามกันอีกนะคะ คลิ๊กเลย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น